วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

{สาระน่ารู้} สินค้าส่งออกไทยในอดีต

ใบความรู้ เรื่องศัพท์เศรษฐกิจ : สินค้าออกไทย
สินค้าออกไทย ในสมัยสุโขทัย
                อาณาจักรสุโขทัยนอกจากมีการค้าภายในอาณาจักรแล้วยังมีการค้ากับต่างประเทศ เช่น มลายู อินโดนีเซีย ลูซอน เนื่องจากในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ได้หัวเมืองมอญมาเป็นเมืองขึ้น ทำให้ใช้เมืองท่าที่หัวเมืองมอญค้าขายกับต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น 
                สินค้าที่อาณาจักรสุโขทัยส่งออกไปขายกับต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นผลิตผลจากป่าซึ่งหายาก ได้แก่ ไม้กฤษณา ไม้ฝาง น้ำผึ้ง ยางรัก หนังสัตว์ ขนสัตว์และสังคโลก 
(ภาพเครื่องสังคโลกจาก : http://www.stou.ac.th/study/sumrit/1-56(500)/3.1-1-56(500).jpg)

           โดยเฉพาะเครื่องสังคโลกที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เครื่องสังคโลกมีหลายแบบ ทั้งจาน ไห กระปุก แจกัน มีขนาดลวดลายแตกต่างกัน ที่ทำเป็นเครื่องประดับ เช่น ช่อฟ้า ใบระกา รูปสัตว์ก็มี แต่สีที่เคลือบมักเป็นสีเขียวไข่กา ที่เป็นสีน้ำตาลก็มีบ้าง เชื่อได้ว่า รายได้จากการค้าเครื่องสังคโลกเป็นรายได้ที่สำคัญของอาณาจักรสุโขทัย และเมื่อสุโขทัยเสื่อมอำนาจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาขึ้นมาใน พ.ศ. 1893 รายได้จากการค้าเครื่องสังคโลกของสุโขทัยลดลงมาก เนื่องจากเส้นทางส่งสินค้าออกทางทะเลถูกปิดกั้น อย่างไรก็ตาม การทำเครื่องสังคโลกเพื่อประโยชน์ใช้สอยและการค้าก็ได้ดำเนินต่อมา
สินค้าออกไทย ในสมัยอยุธยา
(ภาพจำลองอาณาจักรอยุธยาจาก : http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e7/Iudea-Ayutthaya.jpg)
           การค้ากับต่างประเทศ เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ (พ.ศ.๒๑๙๙-พ.ศ.๒๒๓๑ ) กรุงศรีอยุธยาได้ทำการค้าของป่ากับประเทศต่างๆ ทั้งทางตะวันออกและตะวันตกดังปรากฏว่า ใน พ.ศ. ๒๒๑๑ ไทยได้ส่งทูตออกไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศอิหร่านเป็นครั้งแรก ส่วนการค้าขายกับจีนก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีนใน พ.ศ.๒๒๐๗ ,๒๒๐๘,๒๒๑๑,๒๒๑๕,๒๒๑๖ และ ๒๒๒๑ และได้รับอนุญาตให้ทำการค้าขายสินค้า ณ ที่ใดก็ได้ในประเทศจีน ไทยได้รับความสะดวกในการค้าของป่าเพิ่มขึ้น
สินค้าออกของราชอาณาจักรอยุธยาขายผ่านพระคลังสินค้า ทั้งนี้เพราะสินค้าพื้นเมืองบางชนิดเป็นที่ต้องการของชาวต่างประเทศมาก หากปล่อยให้ซื้อขายกันโดยเสรีเกรงว่าของเหล่านั้นจะหมดสิ้นไป ไม่มีใช้ในราชการบ้านเมือง จึงกำหนดให้เป็นสินค้าต้องห้าม ต้องซื้อขายผ่านพระคลังสินค้า เช่น    ไม้กฤษณา นอแรด ดีบุก งาช้าง ไม้จันทน์ ไม้หอม และไม้ฝาง เป็นต้น สินค้าต้องห้ามนี้เพิ่มประเภทขึ้นโดยลำดับ เช่น ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง สินค้าต้องห้าม เช่น ดินประสิว ตะกั่ว ฝาง หมากสง หนังสัตว์    เนื้อไม้ งาช้าง ดีบุก  ไม้หอม เป็นต้น

            สินค้าที่ชาวต่างประเทศต้องการมากอีกอย่างหนึ่ง คือ ข้าว ตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ข้าวกลายเป็นสินค้าออกที่สำคัญ โดยส่งไปประเทศจีนไม่น้อยกว่าปีละ 65,000 หาบ บางปีส่งไปหลายแสนหาบ และบางปีถึง 1 ล้าน 5 แสนหาบ
      
     ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ การค้าของป่ากับประเทศฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้ขยายตัวกว้างขวาง บริษัทอีสต์ อินเดียของอังกฤษได้เล็งเห็นถึง ความสำคัญของการค้ากับกรุงศรีอยุธยา ในแง่ที่ว่าไทยมีสินค้าของป่าที่มีค่า เป็นสินค้าขาออกหลายอย่าง อาทิ เช่น กฤษณา ฝาง ดีบุก งาช้าง หมาก ตะกั่ว และยังเป็นแหล่งรวมสินค้าจากจีนและอินเดียด้วย เช่นเดียวกันกับที่ฝรั่งเศสได้เข้ามาตั้งคลังสินค้าในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๕ รัฐบาลไทยได้ให้การต้อนรับอย่างดี และให้สิทธิพิเศษในการค้าขาย เพราะเห็นประโยชน์ที่จะรับในการติดต่อกับฝรั่งเศสทั้งทางด้านการค้าและหวังที่เกรงขามอยู่ในขณะนั้น ทั้งนี้เพราะปรากฏว่า ในตอนต้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ผลประโยชน์ทางด้านการค้าของป่าส่วนใหญ่ ตกอยู่ในมือของฮอลันดา ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อหนังสัตว์ มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรมเมื่อ พ.ศ.๒๑๖๐ แต่พอมาถึงปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์การค้าของฮอลันดาเสื่อมลง เพราะได้รับการขัดขวางจากฟอลคอนถึงกระนั้นฮอลันดาก็ยังคงทำการค้าขายกับไทยตลอดมา เพราะข้าวเป็นสินค้าประจำที่บริษัทมาซื้อจากกรุงศรีอยุธยา เพื่อไปจำหน่ายต่อยังหมู่เกาะมลายู ชวา

           นอกจากอังกฤษ ฝรั่งเศส และฮอลันดาแล้ว ก็ปรากฏว่ายังมีพ่อค้าชาติอื่น ๆ โดยเฉพาะในแถบเอเชีย ที่ได้เข้ามาซื้อสินค้าของป่าและสินค้าพื้นเมืองจากไทย เป็นต้นว่า

           มะนิลา ซื้อสินค้าป่าจากไทย เช่น งาช้าง กำยาน ชะมดเชมียง 

           เมืองอาแจ ในเกาะสุมาตรา มีปรากฏในจดหมายรายวันของผู้บังคับการป้อมเซนต์ยอช ที่เมืองมาสุลิปะตัม รายงานว่า กำปั่นหลวงในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ บรรทุกทองแดง ดีบุก เครื่องทองเหลือง ทองขาว พริกไทย กำยาน จะไปเมืองปอนดิเชอรี่ได้แวะที่เมืองอาแจนี้

           เมืองโครส่าน อยู่ในประเทศอิหร่าน ซึ่งไทยส่งเนื้อไม้อย่างดีไปขาย

           เมืองมาสุลิปะตัม ทางอ่าวเบงกอลไทยส่งช้างจากเมืองมะริดไปขาย

           อนึ่ง นับตั้งแต่รัชกาลพระเพทราชาเป็นต้นมา (พ.ศ.๒๒๓๑-พ.ศ.๒๒๔๖) การค้าของป่ากับประเทศตะวันตกอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากพระเพทราชารงมีพระราชประสงค์ ที่จะติดต่อเกี่ยวกับชาวตะวันตก ประกอบกับในรัชกาลนี้เกิดกบฏที่เมืองนครศรีธรรมราช และเมืองนครราชสีมา รัฐบาลต้องเสียเวลาปราบปราม ไม่มีโอกาสทำนุบำรุงการค้าของป่า ทำให้การค้ากับต่างประเทศเสื่อมลง อย่างไรก็ตาม เมื่อฝรั่งเศสหมดอำนาจลงชาวฮอลันดาก็กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ใน พ.ศ. ๒๒๓๑ ฮอลันดาได้ทำสัญญากับไทย มีใจความเหมือนฉบับเก่าที่ทำไว้ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ และในสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่๘ (พระเจ้าเสือ) พ.ศ. ๒๒๔๖-พ.ศ.๒๒๕๑ ไทยได้แสดงความประสงค์ที่จะให้พ่อค้าฝรั่งเศสเข้ามาค้าขายในไทยอีก โดยไทยยินดีจะให้สิทธิพิเศษต่างๆ แต่ฝรั่งเศสไม่เห็นความสำคัญ เพราะสภาพการค้ามนเมืองไทยขณะนั้นร่วงโรยมาก ในพ.ศ.๒๒๖๐ ข้าหลวงสเปนประจำฟิลิปปินส์ได้ส่งคณะทูตเข้ามาเจริญทางไมตรีทางการค้ากับไทย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระและได้ทำความตกลงในแง่ของการค้าของป่า กล่าวคือ สเปนซื้อสินค้าป่าได้ทุกอย่าง นอกจากดินประสิวและงาช้าง ซึ่งเป็นของพระคลังสินค้า ส่วนหนังโค หนังกวาง ดีบุกนั้นซื้อไม่ได้ เพราะเป็นสินค้าผูกขาดของฮอลันดา สำเภาหลวงทั้งสองฝ่ายที่ไปมาค้าขาย ไม้องเสียภาษีอากรทั้งขาเข้าและขาออก อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากทำสนธิสัญญาแล้ว ปรากฏว่า เรือไทยที่ไปค้าขายที่กรุงมะนิลาได้รับความเดือนร้อน จากากรกระทำของชาวสเปน ทำให้การค้ากับสเปนเลิกร้างกันไปในตอนปลายรัชกาล

           ในสมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวงนั้น การค้าของป่ากับต่างประเทศ เสื่อมโทรมลงจากเดิมมาก ดังปรากฏในจดหมายเหตุของเมอซิเออณ์ เดอร์บู ถึง เอมซิเออร์ เตเชีย ลงวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๒๕๖ กล่าวว่า ข้าพเจ้ามีความประหลาดใจมาก ที่ได้เห็นบ้านเมืองร่วงโรยลงไปมาก ทั่วพระราชอาณาจักรเมืองไทยเวลานี้ไม่เหมือนกับเมืองไทยเมื่อครั้ง๕๐ ปีที่ล่วงมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเราได้มาเห็นเป็นครั้งแรก ในเวลานี้ไม่เห็นเรือสินค้าจำนวนมาก หรือเห็นเรือไทยไปมาค้าขายตั้งแต่ก่อนแล้ว
สินค้าออกไทย ในสมัยธนบุรี
                  ช่วงต้นรัชกาล สภาพบ้านเมืองเสียหายจากการสงครามอย่างหนัก เกิดทุพภิกขภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย   เนื่องจากขาดการทำนามานาน ราคาข้าวในอาณาจักรสูงเกือบตลอดรัชกาล ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงในตอนปลายรัชกาล จะมีเพิ่มสูงขึ้นบ้างก็ในปี พ.ศ. 2312 ที่เกิดหนูระบาด สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อข้าวมาให้แก่ราษฎรทั้งหลาย ช่วยคนได้หลายหมื่น ทั้งยังกระตุ้นให้ชาวบ้านทั้งหลายเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงด้วย การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศก็ยังไม่ดีมากนัก
การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ
                ประเทศจีน หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา การติดต่อกาค้าไทยกับจีนได้อยุดชะงักลง แต่ก็ได้มาเริ่มใหม่ เมื่อจีนยอมรับเครื่องราชบรรณาการจากกรงธนบุรี ปีพ.ศ. 2324 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงส่งราชทูตไปกรุงปักกิ่งโดยมี เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช เป็นหัวหน้าราชทูต
ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างไทยกับจีนเริ่มต้นจากการค้าข้าวเป็นสำคัญ ต่อมาได้ขยายเพิ่มขึ้น โดยประเทศจีนได้ส่งสินค้าพื้นเมืองจากแต้จิ๋วมาขาย ที่สำคัญ คือ เครื่องลายคราม ผ้าไหม ผักดอง และเสื่อ เป็นต้น เที่ยวกลับก็จะซื้อสินค้าจากไทย อาทิ ข้าว เครื่องเทศ ไม้สัก ดีบุก ตะกั่ว กลับไปยังเมืองจีนด้วย เช่นกัน
นอกจากนั้น ในปี พ.ศ. 2320 ได้มีหนังสือจีน ฉบับหนึ่งในสมัยราชวงศ์ ไต้เชงแห่งแผ่นดิน เฉียงหลง ปีที่ 42 ได้บันทึกไว้ว่า "สินค้าของไทยมี อำพัน ทอง ไม้หอม งาช้าง กระวาน พริกไทย ทองคำ หินสีต่าง ๆ ทองคำก้อน ทองคำทราย พลอยหินต่างๆ และตะกั่วแข็ง เป็นต้น"
(ภาพทองคำจาก : http://board.postjung.com/data/704/704366-topic-ix-0.jpg)

รูปเจ้าของBlogกับข้าวสาร ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


บทความโดย นางสาวธัชพรรณ รัตนนาคินทร์ ม.5/941 เลขที่ 9
http://th.wikipedia.org/wiki/ความสัมพันธ์กับต่างชาติสมัยกรุงธนบุรี
http://taeiloveyoutoo.wordpress.com/2013/09/24/70/
http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/malaiwan_c/historym1/unit03_03.html
http://www.maceducation.com/e-knowledge/2343103100/09.htm
http://www.trimitschool.com/RPT/Social/pen1/a2.html




วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

My Walk Of Life {An Accountant}





               'อาชีพนักบัญชี ' ถือได้ว่าเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคนรวมถึงตัวฉันเองด้วย คนภายนอกอาจจะคิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่น่าเบื่อ แต่ในความรู้สึกของฉันฉันคิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ท้าทายอีกอาชีพหนึ่งเลยทีเดียว

              ตัวฉันเป็นเพียงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีความตั้งใจว่าเมื่อเติบโตขึ้นฉันอยากจะเป็นนักบัญชี ทางพ่อแม่ของฉันพวกท่านก็ไม่ได้ขัดข้องเพราะว่า อาชีพนี้ถือได้ว่าเป็นที่ต้องการในตลาด และมีคำกล่าวว่า "นักบัญชี จะเป็นคนสุดท้ายที่บริษัทไล่ออกจากงาน" ฉันยอมรับว่าในตอนแรก ที่ฉันเลือก 'อาชีพนักบัญชี ' เพราะเหตุผลเรื่องการหางา นแต่พอฉันได้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานนี้มากขึ้น  'อาชีพนักบัญชี ' กลับทำให้ฉันตกหลุมรักทันที



             เหตุผลที่ฉันตกหลุมรักและคิดว่า  'อาชีพนักบัญชี ' เป็นอาชีพที่ท้าทาย เพราะว่า การตรวจสอบบัญชีทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นนักสืบตัวเล็กๆ ที่คอยหาร่องรอยความผิดพลาดของบัญชีนั้นๆ และแก้ไขให้ถูกต้อง ฉันจึงรู้สึกสนุกที่ได้หาข้อผิดพลาดและแก้ไขปัญหาเฉพาะนั้น ราวกับว่าได้อ่านนวนิยายสืบสวนที่ฉันเป็นผู้ดำเนินเรื่องเลยทีเดียว

              'อาชีพนักบัญชี ' ไม่ได้มีทางเลือกเพียงแค่นักบัญชีตามบริษัทหรือผู้ตรวจสอบบัญชีเท่านั้น เพราะในปัจจุบันมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงต่างๆ ก็ได้เปิดบัญชีสาขาใหม่มากมาย 

            

              ลักษณะงาน
               ผู้ปฏิบัติงานด้านนี้ ได้แก่ผู้ให้บริการทางการบัญชีแก่สถานประกอบการธุรกิจ สถาบันเอกชน หรือหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงการดูแลการทำบัญชี และการตรวจสอบบัญชี การวิเคราะห็รายการธุรกิจและบันทึกผลทางการเงิน การรับรองความถูกต้องและความครบถ้วนในการทำบัญชี และเอกสารทางการเงิน รวมทั้งการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสอบบัญชี การวางแผนทางบัญชี และการวางระบบทางบัญชีแก่สถานประกอบการต่างๆ
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://blog.eduzones.com/dena/5222)

               
                 นอกจากนี้แล้ว นักบัญชีจะต้องมีคุณสมบัติต่างๆมากมาย

  1. ซื่อสัตย์ มีจรรยาบรรณวิชาชีพ เนื่องจากนักบัญชีจะรับทราบตัวเลขความเคลื่อนไหวทางการเงินของบริษัทอยู่ตลอดเวลา นักบัญชีที่ดีจะไม่เปิดเผยข้อมูลต่างๆ ทางการเงินของบริษัทเด็ดขาด
  2. ขยัน อดทน รับผิดชอบงานในหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดเวลา จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นนักบัญชีกลับบ้านดึกกว่าแผนกอื่นเสมอ
  3. ละเอียดรอบคอบ ถี่ถ้วน ในการมอบหรือรับมอบเอกสารเกี่ยวกับการเงิน ควรเรียกเก็บหลักฐานทางการเงิน และตรวจสอบความถูกต้องทุกครั้ง ควรจัดเก็บเอกสารการเงิน การบัญชีทุกฉบับไว้ในที่ปลอดภัย ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
  4. มีความรู้แน่นภาคทฤษฎี และประยุกต์ใช้ให้เข้ากับธุรกิจได้ นักบัญชีจำเป็นต้องนำทฤษฎีมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลตัวเลขได้อย่าง
  5. ถูกต้องแม่นยำ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความเข้าใจในธุรกิจของบริษัท และนำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับธุรกิจได้ด้วย
  6. สร้างแรงกดดันให้ตนเอง ในการทำงานควรมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และหาวิธีที่จะทำให้ได้ตามเป้า นอกจากนั้น นักบัญชียังสามารถพัฒนาตนเองได้ตลอดเวลา ด้วยการกำหนดเวลาในการทำงานให้สั้นลง หรือขอทำงานที่ยากขึ้นเรื่อยๆ
  7. กล้านำเสนอ แนวคิดและวิธีการใหม่ๆ ที่เป็นประโชน์ต่อบริษัท รวมทั้ง รีบแจ้งผู้มีอำนาจทราบทันที เมื่อพบการทุจริต หรือความเสียหายใดๆ
  8. ทบทวนตนเองทุกปี ตั้งคำถามว่าตนเองต้องการอะไร และในปีที่ผ่านมาทำอะไรไปแล้วบ้าง ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกบ้าง มีอะไรที่ผิดพลาดบ้าง เพื่อหาทางแก้ไข และปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ไม่ให้เกิดความผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
  9. เปิดรับเทคโนโลยี ข้อมูล ข่าวสาร และสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา นักบัญชีควรหาโอกาสพูดคุยพบปะกับคนในวิชาชีพเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และเข้าใจวิธีการทำงานของคนอื่น รวมทั้งหมั่นศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการบัญชี และภาษีอากรที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://th.jobsdb.com/th/EN/Resources/JobSeekerArticle/audit_editor31.htm?ID=354)
              
                ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ ฉันอาจจะยังมีไม่ครบสมบูรณ์แต่ฉันจะพยายามเพื่อที่ในอนาคตฉันจะเป็นนักบัญชีที่ดี อย่างสุดความสามารถ
                นอกจากเหตุผลที่ฉันได้กล่าวไปข้างบนแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันอยากเป็นนักบัญชี คือ คุณป้าของฉัน ท่านเป็นนักบัญชีที่ซื่อสัตย์และรอบคอบที่สุดในสายตาฉัน แม้ว่าท่านจะร่ำลาวงการนี้ไปแล้ว แต่ท่านก็จะยังเป็นนักบัญชีที่เป็นต้นแบบให้แก่ฉันเสมอไป ขอบคุณคุณป้ามากนะค่ะ







(ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพนะค่ะ)


วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

{Chapter 6} - Madame Tussauds London

Madame Tussauds London




                         Madame Tussauds ถือว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่โด่งดังที่สุดเลยก็เป็นได้ อีกทั้งยังมีหลายสาขาทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยอีกด้วย ตอกย้ำถึงความโด่งดังของ Madame Tussauds ได้เป็นอย่างดี



                         ซึ่งภายใน Madame Tussauds London จะแบ่งหุ่นเป็น 14 ส่วน


1.Party : ทุกท่านจะได้กระทบไหล่กับซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าของ Hollywood ไม่ว่าจะเป็น Kate WinsletColin FirthDame Helen Mirren,  Brad Pitt, Taylor LautnerLeonardo Dicaprio และ George Clooney



2.Bollywood : ในบริเวณนี้คุณจะได้พบกับดาราดังจากฝั่ง Bollywood มากมาย



3.Film : โซนนี้คุณจะได้พบกับตัวละครจากภาพยนตร์ดังหลากหลายจากในอดีตจนถึงปัจจุบันที่คุณชื่นชอบ



4.Sports Zone : บริเวณนี้จะมีนักกีฬาที่มีชื่อเสียงมากมายพร้อมที่จะให้ทุกท่านได้ไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด

รูปเจ้าของบล๊อกกับหุ่นภายใน Madame Tussauds London


5.Royals : ส่วนนี้คุณจะไปพบกับเชื้อพระวงศ์ของประเทศอังกฤษอย่างใกล้ชิด



6.Culture : คุณจะได้พบกับบุคคลสำคัญจากอดีตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นักวิทยาศาสตร์หรือศิลปินชื่อดัง



7.Music Megastars : คุณจะได้พบกับนักร้อง ศิลปิน ชื่อดังทั้งจากอดีตจนถึงปัจจุบัน


รูปเจ้าของบล๊อกกับหุ่นภายใน Madame Tussauds London



8.World leaders: คุณจะได้กระทบไหล่กับเหล่าผู้นำที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก

9+10. Chamber of Horrors & Scream! : ห้องแห่งความน่ากลัว น่าพิศวง พร้อมที่จะให้คุณได้สำรวจแล้ว



11.Behind the scenes at Madame Tussauds : คุณจะได้รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังว่ากว่าจะมาเป็นหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนจริง ทีมงานจะต้องเหนื่อยกันขนาดไหน



12.Spirit of London Ride : ทุกท่านพร้อมที่จะขึ้นแท๊กซี่ที่โด่งดัง แล้วตีตั๋วไปชมประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษหรือยังค่ะ ?




13.Marvel Super Heroes : ซุปเปอร์ฮีโร่มากมายพร้อมที่จะให้คุณได้กระทบไหล่อย่างใกล้ชิด



14.Marvel Super Heroes 4D Experience : ประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในการดูภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่แบบสี่มิติพร้อมที่จะให้คุณได้ลิ้มลองแล้ว


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://www.madametussauds.com/London

                   วันที่เจ้าของบล๊อกได้ไปเยี่ยมชม  Madame Tussauds London เป็นประมาณวันที่ 18 ของทริป ภายในมีกิจกรรมให้เล่นและมีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย อยู่ได้ทั้งวันไม่เบื่อเลยค่ะ


                   เป็นยังไงค่ะสำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้ เจ้าของบล๊อกหวังว่าทุกคนคงจะเพลิดเพลินพร้อมกับได้รับความรู้มากมายนะค่ะ ยังไงเจ้าของบล๊อกก็ต้องขอจบทริปซัมเมอร์ที่อังกฤษเพียงแค่นี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมานะค่ะ




                                        Bon Voyage!

{Chapter 5} - London eye

London eye








                    ลอนดอนอาย (London Eye) ที่รู้จักในชื่อ มิลเลเนียมวีล (Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร(443 ฟุต) ละกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากในสหราชอาณาจักร มีผู้มาเยือนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ส่วนบัตรข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 15 ปอนด์ต่อคน




รูปเจ้าของบล๊อกกับ London eye







                ซึ่งในอดีตเคยเป็นชิงช้าสวรรค์ก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ก่อนจะถูกชิงตำแหน่งไป จากชิงช้าสวรรค์ เดอะ สตาร์ อฟ นานชาง ในประเทศจีน (160 เมตร) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 ต่อมาภายหลังตำแหน่งตกเป็นของ สิงคโปร์ฟลายเออร์ ในประเทศสิงคโปร์ (165 เมตร) นวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 อย่างไรก็ตาม ลอนดอน อาย ก็ยังคงได้รับตำแหน่งจากการให้บริการว่า"ชิงช้าสวรรค์ที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลก" (เพราะการโครงสร้างทั้งหมดใช้โครงค้ำเหล็กรูปตัว A ในการให้บริการโดยใช้โครงค้ำเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้นไม่เหมือนชิงช้าสวรรค์อื่นๆ ทั่วไปที่มีโครงค้ำสองข้าง)



                     ลอนดอน อาย ตั้งอยู่ ณ ที่ฝั่งสุดด้านตะวันตกของสวนจูบิลี่ บนริมฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเทมส์ ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ระหว่างสะพานเวสต์มินสเตอร์กับสะพานฮันเกอร์ฟอร์ด โดยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโดมแห่งการค้นพบ ที่เคยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานนิทรรศการเฟสติวัล ออฟ บริเตนในปี ค.ศ. 1951 ออกแบบและสร้างสรรค์โดย David Marks and Julia Barfield ด้วยการสนับสนุนโดยสายการบิน British Airways กระทั่งถึงเดือนมีนาคมปี 2000 london eye ที่ใครต่อใครในปีนั้น ไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะให้ตั้งโชว์ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ (ส่วนหนึ่งด้วยการบังทัศนวิสัยหรือรกทัศนียภาพ) นั้น ค่อยๆฝ่าทัศนคติรุนแรงและกลายเป็นของเล่นทันสมัยที่ใครต่อใครต้องไปถ่ายรูปเมื่อไปเยือนลอนดอน  



      

                         ด้วยความสูงต่อรอบที่มากถึง 135 เมตร และการหมุนเคลื่อนอย่างเชื่องช้าในแต่ละรอบนั้น เท่ากับว่า london eye ไม่ได้ทำหน้าที่ในเชิงเทคโนโลยีเท่านั้น แต่มีความหมายในเชิงวัฒนธรรมเมือง ด้วยการเป็นพาหนะในการเชื้อเชิญชวนเชิญให้นักท่องเที่ยวได้ละเลียดมุมมองงดงามจากด้านต่างๆของมหานครลอนดอน


                             london eye นั้น จะมีระยะเวลาในการหมุนต่อรอบ ด้วยเงื่อนไข 30 นาที ด้วยระยะความเร็วที่0.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นทำให้เมื่อคำนวณกับมุมต่างๆ ของวิวที่อยู่เหนือพื้นดินขึ้นไปนั้น นักท่องเที่ยวมีเวลาเหลือเฟือที่จะเก็บภาพต่างๆ ได้อย่างเพียงพอบางคนนั้นรู้สึกว่า เมื่อชิงช้าสวรรค์ชื่อนี้ของอังกฤษ ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปถึงเพดานสูงสุดนั้นผู้โดยสารจะรู้สึกได้ถึงความสูงอย่างชัดเจน

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.ilovetogo.com/Article/55/63/#.Ug7ffdJcxMg


รูปเจ้าของบล๊อกภายใน London eye


                               ซึ่งวันที่เจ้าของบล๊อกได้ไปที่  London eye เป็นวันที่ 15 ของทริปครั้งนี้ วันนั้นท้องฟ้าค่อนข้าวเป็นใจ ทำให้การเยี่ยมชมทิวทัศน์ภายใน London eye ราบรื่น สามารถเห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆได้อย่างชัดเจน อีกทั้งภายในนั้นยังมีหน้าจอ ที่จะมีรูปทิวทัศน์อยู่ เมื่อเราสัมผัสไปที่สิ่งก่อสร้างใด หน้าจอก็จะบอกข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างนั้น ทำให้นอกจากได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย




ขอบคุณภาพสวยๆ จาก tumblr และ google

{Chapter 4} - Buckingham Palace

Buckingham Palace





Information 

                     Buckingham Palace เดิมชื่อ คฤหาสน์บักกิงแฮม เป็นพระราชวังที่เป็นที่ประทับเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนในสหราชอาณาจักรเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการเลี้ยงรับรองของรัฐและยังเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญที่หนึ่งของกรุงลอนดอน และยังเป็นที่รวมพลังใจทั้งในการฉลองและในยามคับขันของชาวอังกฤษ




รูปเจ้าของบล๊อกหน้าพระราชวังบักกิ้งแฮม



History

          พระราชวังบักกิงแฮมแต่เดิมชื่อ “คฤหาสน์บักกิงแฮม” (Buckingham House) สิ่งก่อสร้างเดิมเป็นคฤหาสน์ที่สร้างสำหรับจอห์น เชฟฟิลด์ ดยุคแห่งบักกิงแฮมในปี ค.ศ. 1703 ในปี ค.ศ. 1761 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3ทรงซื้อจากดยุคแห่งบักกิงแฮมเพื่อเป็นพระราชฐานส่วนพระองค์ ที่รู้จักกันในชื่อ “วังพระราชินี” (The Queen's House) ระยะ 75 ปีต่อมาเป็นเวลาที่มีการขยายต่อเติมพระราชวังโดยสถาปนิกจอห์น แนช (John Nash) และ เอ็ดเวิร์ด บลอร์ (Edward Blore) เป็นสามปีรอบลานกลาง



          พระราชวังบักกิงแฮมกลายมาเป็นพระราชฐานที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียขึ้นครองราชย์เมื่อปี ค.ศ. 1837 การต่อเติมครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายทำในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งรวมทั้งด้านหน้าที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน บางครั้งพระราชวังบักกิงแฮมก็เรียกกันเล่นๆ ว่า “บักเฮาส์”
ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia





        วันที่เจ้าของบล๊อกได้ไปเยี่ยมชมพระราชวังบักกิ้งแฮมนั้น เป็นวันที่ 10 ของโปรแกรม วันนั้นบรรยากาศโดยรอบมืดครึ้มเล็กน้อย เหมือนฝนจะตกแต่โชคดีที่ไม่ตก ทำให้กรุ๊ปของเจ้าของบล๊อกได้ถ่ายรูปโดยไม่มีอุปสรรค ซึ่งพระราชวังแห่งนี้สวยงามมาก ภายในนั้นจะมีทหารเฝ้าอยู่ เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็จะเดินตรวจตรา ซึ่งเจ้าของบล๊อกก็ได้ดูด้วย แต่พวกเขาเพียงเดินสลับไปมาเท่านั้นเอง